อย่าก๊อบปี้ข้อมูลของเราเลย เราก็พยายามทำทั้งนั้น ขอบคุณครับ

ร้อนนักก็พักใจที่เฉินตู จิ่วจ้ายโกว

ร้อนนักก็พักใจที่เฉินตู จิ่วจ้ายโกว

จิ่วจ้ายโกว อุทยานธารสวรรค์ (Jiuzhaigou) นครเฉิงตู (Chengdu) ประเทศจีน ขึ้นไปทางเหนือราว 435 กิโลเมตร มีเนื้อที่ทั้งหมด 720 ตารางกิโลเมตรเป็นหุบเขาซึ่งอุดมด้วยลำธาร น้ำตก และทะเลสาบ สีมรกตราวกะจกอย่างไม่น่าเชื่อ องค์การยูเนสโก้ (UNESCO) ประกาศให้เป็น มรดกโลกทางธรรมชาติ เมื่อพ.ศ. 2535 ได้ดุข้อมูลแล้วก็อยากไปมากๆ ซึ่งภาพตามเว็บต่างๆ ก็นะชวนให้อยากไปเลย ทำการลาพักร้อนช่วง 2-6 ธันวาคม 2559 และมีเวลาเตรียมตัวก่อน 2 อาทิตย์ และดุสภาะอากาศว่าหนาวมาก เราก็เตรียมเสื้อกันหนาว อย่างหนาที่สุด

ไปเจอหมาธิเบต น่ารักอ่ะ

เช้าวันที่ 2 มาเราต้องออกขึ้นรถบัสแต่เช้า ทานข้าวเช้าแบบว่าจืดสนิทและมันมาก เพื่อเดินทางไป จิ่วจ้ายโกว ซึ่งต้องนั่งไปอีกประมาณ 8 ชั่วโมง ระหว่างทางก็ได้ไปแวะที่ทะเลสาบเตี๋ยซี ซึ่งแวะเข้าห้องน้ำและล้างหิมะออกจากรถ จะบอกว่าห้องน้ำแย่ตามสเต็บ โดยไกด์บอกว่าจะมาเที่ยวจีนเรื่องห้องน้ำต้องยอมรับได้ว่า สกปรกและไม่มีสุขลักษณะที่ดี แต่ด้วยความสวยของทะเลสาบเตี๋ยซี เราพอรับได้ครับ น้ำสีเขียวฟ้า อากจะเพราะโดยรอบมีแต่เขาหินปูนก็ได้ ยิ่งเข้าใกล้ จิ่วจ้ายโกว ก็ยิ่งหนาวขึ้นเรื่อยๆ ตลอดทางมีหิมะปกคลุม จากทะเลสาบเตี๋ยซี เราก็ไปแวะที่อุทยานมู่นี่โกว เพื่อไปดูหุบเขามู่นี่โกว มีพื้นที่ เฉลี่ยอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆ ของโลก ที่นี้จึงเป็นเหมือนดั่งสวรรค์อีกแห่งหนึ่งของคนรักภูเขาอย่างแท้จริง เราไปถึงที่พักช่วงเย็นอากาศน่าจะเริ่มติดลบ ดีนะที่เข้าโรงแรมกันก่อน ร่างกายจะได้ปรับสภาพ สำหรับอาหารในวันนี้เหมือนเดิม กินหรูกินเหลา แต่จืดมันมาก เหม็นน้ำมันแพะหรือแกะ ในอาหารอาจจะได้รับอิธิพลมาจาธิเบตก็เป็นได้ แต่เราเองก็ลงมาด้านล่างเจอเบียร์เลย ไม่ต้องถามเพราะเขาภาษาอังกฤษไม่ได้เลย ไกด์ให้พุดว่า ผีจิ่ว แปลว่าเบียร์ 555 เสร็จโจร

ขี่จามรี

ช้าวันที่ 3 ต่อมา เราก็ได้ออกเดินทางเข้า อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว เปลี่ยนขึ้นรถของอุทยาน เพื่อชม มรดกโลกอุทยานแห่งชาติธารสวรรค์ “จิ่วจ้ายโกว” ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอหนานปิง อยู่ทางเหนือของมณฑลเสฉวน ห่างจากตัวเมืองเฉิงตู ประมาณ 500 กิโลเมตร และอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเลถึง 2,500 เมตร มีอาณาบริเวณถึง 148,260 เอเคอร์ เทือกเขาเหล่านี้ มียอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะอยู่หลายยอด    พื้นที่ป่าเขียวขจีสลับกับทุ่งหญ้า , ทะเลสาบ, แม่น้ำและน้ำตกรูปร่างแปลกตา อากาศช่วงนี้ไกด์บอกว่าช่วงที่คนเขาไม่มามันหนาว แต่เราอยากมาเพราะอยากเจอหนาว แต่ละที่สวยงามมาก และยังได้แวะซื้อของที่หมู้บ้านธิเบตอีกด้วย ส่วนช่วงเย็นเราก็ไปดูการแสดงของชาวธิเบต ที่ดูน่าตื่นเต้น สรุปแล้วเราอยู่ที่ อุทยานแห่งชาติจิ่วจ้ายโกว เต็มวันถึงสามทุ่มและเข้าที่พัก

วันแรกเราออกเดินทางไปประมาณ 1 ทุ่มตามเวลาไทย ถึงที่นครเฉิงตู ประมาณ 4 ทุ่ม อากาศสัก 10 องสาได้ ซึ่งเวลาที่นั่นเร็วกว่าเรา 1 ชั่วโมงเราก้ต้องปรับเวลากันใหม่ และก็มุ่งตรงเข้าที่พักเลย  สิ่งแรกที่ไปคือ ไวไฟ มีให้ใช้ได้ตามโรงแรม แต่เข้า Social ไม่ได้ยกเว้นของจีนเองเช่น wechat  อดเลยเฟส ไลน์ แต่ก็ช่างมัน ห้องพักถือว่าดีพอสมควร ลงไปถามที่แผนกต้อนรับว่าคุณมีเบียร์ขายไหม ได้รับคำตอบเป็นภาษาจีน สรุปว่าฝ่ายต้อนรับไม่มีใครพูดอังกฤษได้สักคน

งดงามตามแบบไทย

ซื้อของก่อนกลับบ้าน

เช้าวันที่ห้า วันนี้เราต้องกลับกันแล้วช่วงบ่าย แต่เช้าเราไปร้านรัฐบาลต่อ และก็แวะถนนคนเดินของเมืองเฉินตู และช่วงบ่ายก็เดินทางกลับกรุงเทพเมืองฟ้าอมร หมดเวลาพักร้อนแล้ว แย่จังกลับมาทำงานต่อ ทำไงได้มนุษย์เงินเดือน การเดินทางครั้งนี้บอกได้เลยว่าใครชอบแนวป่าเขา ควรมาครับเพราะมันสวยงามคุ้มค่ากับธรรมชาติ แต่ใครไม่ชอบเหนื่อยก็ไปที่อื่นกันนะครับ สำหรับการเดินทาง จิ่วจ้ายโกว หมดลงแล้วพร้อมกับมิตรภาพที่ดี ทีคุงขอลาไปก่อน หวังว่าทุกท่านจะได้รับอรรถรสไม่มากก็น้อย วันหลังจะมารีวิวที่อื่นอีกนะครับ

เช้าวันที่สี่ เราก็ได้เดินทางกลับ และแวะที่เมืองโบราณซงพาน อากาศติดลบเจ็ด โอ้ยหนาวจนผิดแตก ไม่เคยเจออากาศแบบนี้เลย คนที่อยู่เขาอยู่ได้อย่างไร 555 ไกด์บอกว่าคนธิเบต ถ้าเข้าหน้าหนาวเขาจะไม่ทำงานกัน ซึ่งก็คงทำไม่ไหวจริง หนาวเกิ้น หลังจากนั้นระหว่างทางกลับก็ได้ไปพักรถเพื่อล้างหิมะออก เราก้ได้ไปขี่จามรี สีขาวดูหน้าตานางมองบนตลอด ช่วงบ่ายก็ไปค้าของรัฐบาลไม่ชอบตรงนี้แหละ อย่างว่าซื้อทัวร์ราคาถูกก็จำใจ เสร็จแล้วก็เข้าที่พัก

ภาพแรกที่ถ่ายเมื่อถึงเฉินตู

Comments are closed.