บาหลี 2020
เราเริ่มต้อนวันที่ 3 กับวัด Pura Lempuyang เป็นวัดใหญ่บนเขาที่มีพื้นที่เยอะมาก และที่เป็นจุดสำคัญคืประตูวัดใหญ่ มองไปจะเห็นวิวภูเขาไฟ Agung ที่ช่องประตู บางคนเรียกว่าประตูแห่งสวรรค์ ซึ่งมีคนแวะเวียนไปถ่ายเยอะมากและใช้เวลานาน รวมถึงการเดินทางไปจากกูตาก็ใช้เวลานาน 2-3 ชม. แนะนำให้ไปนอนแถวนั้นก็น่าจะดีกว่า และไปถึงเวลาบ่ายแก่ๆ จะได้ถ่ายไว ส่วนผมกว่าจะได้ถ่ายต่อคิว 4 ชม. และถ่ายได้คนละสามแอคเท่านั้น เป็นอะไรที่เสียเวลามากเลยแทบไม่ได้ไปไหนเลย ถ้าใครจะมาที่นี่ก็ต้องทำใจครับ ไม่งั้นก็ไปจุดอื่นไปเลย ปล.พื้นที่คล้ายน้ำมันไม่ใช่น้ำนะครับ มันเป็นฟิวเตอร์กระจกสะท้อน ผมเองก็คิดว่าเป็นน้ำตั้งนาน
Tirta Gangga มีค่าเข้าคนละ IDR 30,000 คิดว่าเป็นสวนก็ใช่มั้งจะวัดก็ไม่เชิง แต่มันเป็นทางขากลับลงจากวัด Lempuyang ก็เลยแวะเพราะใช้เวลาที่วัดนั้นก็นานมาก 4-5 ชม. ได้ พอเราเดินผ่านประตูเข้าไป ด้านขวาจะมีสระน้ำที่มีทางเดินเป็นแผ่นหิน มีน้ำพุ ส่วนด้านซ้ายจะมีบ่อน้ำพุเล็กๆ และมีสะพาน ก็ปกตินะสำหรับผม สถานที่ไม่ใหญ่ ศิลปะแบบฮินดูบาหลี มีน้ำพุและปลาตัวใหญ่เยอะเลย ขากลับได้แวะถ่ายภาพทะเลขากลับไปยังกูตาอีกด้วย
วันสุดท้ายของการเที่ยว เรามาคิดว่าที่ที่เราไปนั้นเสียเวลาทุกวันเลย วันนี้เราเลยจะไปที่ใกล้ๆกัน และใช้เวลาไม่นานมาก ซึ่งวันนี้ตอนแรกแพลนว่าจะไปน้ำตก แต่ไกด์บอกว่าจะใช้เวลาเดินนานเลยบอกว่าไม่เอาและวางแผนใหม่หมด ว่งก้ออกมาโอเคเลยแหละ โดยสนานที่เรกเราไปวัด ปูราตามันอายุน วัดฮินดูกลางสวนสวยสไตล์บาหลี ความพิเศษของวัด Pura Taman Ayun อยู่ที่องค์เจดีย์หลายชั้นทรงสูงสไตล์ฮินดูที่ตั้งเรียงแถวกันนับสิบองค์ที่ผมยืนยันว่ามันช่างสวยงามมากจริงๆ บริเวณรอบๆของตัววัดก็ยังมีสถาปัตยกรรมโบราณอายุหลายร้อยปี และที่นี่ก็ยังมีรูปปั้นของ Barong สัตว์ในเทพนิยายหน้าตาคล้ายกับสิงโตของชาวบาหลีที่ถูกเชื่อว่าเป็น “เจ้าแห่งวิญญาณ”
หลังจากนั้นเราไปต่อที่วัด Pura Ulun Danu Bratan ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ Danau Beratan บนพื้นที่สูง 1,200 เมตรจากระดับน้ำทะเลใจกลางเกาะบาหลี เป็นวัดเก่าเเก่และมีชื่อเสียง สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1633 เพื่อบูชาเทวีแห่งสายน้ำ (Dewi Danu) ของศาสนาฮินดูแบบบาหลี เอกลักษณ์ของวัด Bratan อันเป็นที่รู้จักกันทั่วไปคือภาพเจดีย์ทรงเป็นชั้นๆ ริมทะเลสาบ สวยงามมากครับแต่คนเยอะมากถ่ายภาพไม่ค่อยได้เลย
เราไปต่อที่วิวทะเลสาปสองทะเลสาปก่อนเข้าน้ำตก ซึ่งจะมีค่าเข้า 1 ที่ประมา 110000Rp นะครับแต่บอกเลยว่าถ้าฝนไม่ลงนะ วิวสวยมากและไม่อันตราย โดยไกด์บอกว่าที่นี่ส่วนใหญ่คนจะมาถ่ายวิวกันเพราะเป็นสองทะเลสาป หลังจากเสร้จเราตั้งใจจะไป Handara gate ที่คนชอบถ่ายภาพประตูกับภูเขา แต่ว่ามันมีถ่ายพรีเว็ดดิ้ง เราเลยไม่ได้รอถ่าย
และเราก็เดินทางต่อไปยัง หมู่บ้าน จาตีลูวีห์ (Jatiluwih) ชมนาข้าวขั้นบันไดอันเขียวขจีอย่างใกล้ชิด หมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเดียวที่ปลูกปาดี บาหลีหรือข้าวพันธ์ท้องถิ่นที่มีลำต้นยาวสวยสง่า วิวของนาข้าขั้นบันไดแห่งนี้ถือว่าเป็นวิวที่สวยที่สุดในเกาะบาหลี Jatiluwih ล้อมรอบไปด้วยบรรยากาศที่เย็นสบายเพราะตั้งอยู่ในความสูง 700 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล ระยะทางจาก Denpasar ถึง Jatiluwih ประมาณ 48 กม และได้แวะไปทานข้าวภายใต้บรรยากาศวิวนาขั้นบันได ซึ่งเป็นมรดกโลกด้วยนะคุณ
หลังจากถ่ายภาพท่านข้าวแล้ว เราก็เดินทางต่อไปยัง ทานาต์ลอต Pura Tanah Lot ซึ่งเป็นที่สุดท้ายของทริปนี้ โดยที่นี่สร้างขึ้น เพื่ออุทิศแด่เทพเจ้าและปีศาจแห่งท้องทะเล เป็นวิหารที่ตั้งอยู่บนผาหินนอกชายฝั่ง ที่เกิดจากการกัดเซาะของเกลียวคลื่น โดยในช่วงน้ำขึ้นวัดจะถูกโอบล้อมไปด้วยน้ำเหมือนเกาะเล็กๆ ริมชายฝั่ง เราเองไม่ได้ไปใกล้นักเพราะจะดูพระอาทิตย์ตกอีกฝากของวัด Tanah Lot ซึ่งสวยงามไม่แพ้กัน
การบาเที่ยวบาหลีครั้งนี้ มีทั้งสิ่งประทับใจและเฉยๆมากโขอยู่ อย่างที่บอกละครับ บางอย่างต้องพาตาไปดู พาหูไปฟัง ถึงจะได้ฟิว ความสุขอยู่ที่ระหว่างทางมากกว่าปลายทาง เอาเป็นว่าได้ชื่อว่าเที่ยวแล้วก้เอาให้คุ้มครับ แล้ววันหลังจะไปไหนอีก คอยติดตามกันนะครับ