สุสานอตาเติร์ก
สวัสดียามเช้าสดใสของชีวิตวันที่ 6 ในตุรกี อีกไม่กีวันก็ได้กลับบ้านละ ไม่รู้ว่าการมาแบบยาวๆ จะทำให้คิดถึงบ้านขนาดนี้ วันนี้ต้องตื่นตีห้า ออกเดินทางเจ็ดโมงเช้า เพราะวันนี้ต้องเดินทางรวมทั้งสิ้น 800 กิโลเมตร หรือประมาณ 10 ชม. โอ้วช่างเป็นเวลายาวนาน ซึ่งวันนี้จะเดินทางผ่าน ทะเลสาบเกลือและสุสานอตาเติร์ก ซึ่งเป็นผู้นำ คนแรกที่ทำให้ตุรกีไม่ตกเป็นเมืองขึ้นในสมัยก่อน ที่กรุงอังการาเมืองหลวงของตุรกี และยิงยาวเข้าอิสตันบูล
03/12/2560 เวลา 09.45 น.
ตอนนี้ถึงทะเลสาบเกลือแล้ว แวะเข้าห้องน้ำและถ่ายรูป ดูเบื้องต้นแล้วเหมือนกับทะเลบางแสนตอนน้ำลง ที่นี่เป็นทะเลสาบเกลือที่ใหญ่เป็นอับดับสองของ ประเทศตุรกี นักธรณีวิทยาที่นี่บอกว่าสมัยก่อนที่นี่เคยเป็นทะเล และชั้นเปลือกโลกเคลื่อนจึงกลายเป็นทะเลสาบเกลือ โดยเกลือจะผุดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา เออมันเค็มน่าดู และสองทางมีขายเกลือที่เอาไว้ใช้เป็นผลิตภัณฑ์ล้างมือ ดูแลผิวด้วยเกลือ ผมลองใช้แล้วมันลื่นๆดีนะ แต่ไม่ได้ซื้อนะ เพราะปกติก็ไม่เคยล้างมือ เมื่อเราแวะพักถ่ายรูปและเข้าห้องน้ำเสร็จ ก็ไปต่อยังกรุงอังการา เมืองหลวงของตุรกีต่อไป
03/12/2560 เวลา 11.45 น.
ตอนนี้เราได้เดินทางมาถึงกรุงอังการา และแวะเข้าเยี่ยมชมสุสานและพิพิธภัณฑ์ อตาเติร์ก ซึ่งเป็นรัฐบุรุษของประเทศตุรกี ชื่อจริงท่านชื่อ มุสตาฟา เคมาล อตาเติร์ก เป็นผู้ก่อตั้งและประธานาธิบดีคนแรกของสาธารณรัฐตุรกี อตาเติร์กเป็นที่รู้จักในฐานะนายทหารที่มีความสามารถจากการที่เขาเป็นผู้บังคับบัญชาของจักรวรรดิออตโตมันเพียงคนเดียวที่ไม่แพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 หลังจากที่จักรวรรดออตโตมันพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1 แล้ว เขาได้เป็นผู้นำของขบวนการแห่งชาติตุรกีในสงครามประกาศเอกราชตุรกี เขาได้เอาชนะกองทหารของฝ่ายไตรภาคี ซึ่งนำไปสู่การปลดปล่อยประเทศและการก่อตั้งประเทศในที่สุด ระหว่างที่เขาดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีนั้น เขาได้ดำเนินการปฏิรูปประเทศในหลาย ๆ ด้าน ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และวัฒนธรรม เขาตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศ จากจักรวรรดิออตโตมันเดิม ให้เป็นรัฐชาติสมัยใหม่ที่ไม่อิงศาสนาและเป็นประชาธิปไตย ท่านเปลี่ยนแปลงกฎหมายอิสลามบางอย่างให้มีความเหมาะสมมากขึ้น และให้สิทธิผู้หญิงมากขึ้น ซึ่งที่นี่จะเป็นแบบพระบรมมหาราชวังของบ้านเรา แต่ที่นี่เขาไม่เก็บค่าเข้าชมนะครับ ที่นี่เป็นที่รวมประวัติและของใช้ของท่านอตาเติร์ก ยังมีพิพิธภัณฑ์ของตุรกีภายใน รวมถึงมีทหารคอยผลัดเปลี่ยนเวรยามอยู่ตลอดเวลา
03/12/2560 เวลา 12.45 น.
หลังจากที่เราชมชมสุสานและพิพิธภัณฑ์ อตาเติร์ก เสร็จเราก็แวะทานข้าวกลางวันแถวนั้น เป็นเคบับ หรือไก่ย่างนั่นเอง มื้อนี้พอทานได้ ทานกับน้ำจิ้มข้าวมันไก่ที่ไกด์เตรียมมา อร่อยอย่าบอกใครเชียว และหลังจากนี้ต้องเดินทางอีก 5 ชม. เพื่อไปยังอิสตันบูล สำหรับทริปวันนี้บอกเลย นั่งรถทั้งวัน พรุ่งนี้เที่ยวที่อีสตันบลูอีก 1 วัน ก่อนบินไปคาซัคสถาน เฮ้อใกล้กลับแล้ว ดีใจจัง แอ๊ะมาเที่ยวนะ 555
03/12/2560 เวลา 19.45 น.
เดินทางมาถึงอิสตันบูลฝั่งยุโรปเสียที โดยข้ามช่องแคบบอสฟอรัส มีความยาวของช่องแคบประมาณ 31 กิโลเมตรและที่นี่มีคนอาศัยในถึง 17 ล้านกว่าคน ทำให้ที่นี่รถติดแบบกรุงเทพฯเลย บางจุดยิ่งกว่าเป็นเพราะผังเมืองเป็นหุบเขา ซึ่งทางฝั่งยุโรปจะมีเส้นทางถนนเชื่อมต่อไปยังประเทศกรีซ ของยุโรปได้เลย วันพรุ่งนี้จะได้ไปล่องช่องแคบบอสฟอรัสนี่แหละ ที่เป็นไฮไลท์ ส่วนอาหารเย็นวันนี้กว่าจะถึงร้านอาหาร หิวเกือบตาย วันนี้ไกด์บอกว่าเป็นอาหารจีน น่าจะกินได้นะ กินลำบากมาหลายวันละ เมื่อเดินทางถึงร้านอาหารจีน แต่ไม่จีนเลยออกจะผสมแขก กับข้าวมันมาก ห้องน้ำก็สกปรก เวนกำเลยความฝันกินอาหารจีนอร่อยๆ ตายไปเลย กลับไปกินมาม่าต่อ เจอกันพรุ่งนี้ครับ หมดพลังแล้ววันนี้